loogo

สวัสดีค่ะน้องๆ พี่เมย์จะมาเล่าและแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้ไปเรียนภาษาที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ให้น้องๆได้รู้กันนะคะ เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์กันน้องๆที่กำลังสนใจจะไปเรียนต่างประเทศ พี่เลือกเรียนที่สถาบัน Cambridge International College หรือนักเรียนที่เมลเบิร์นจะเรียกชื่อย่อว่า CIC พี่ได้มีโอกาสไปเรียนเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2554 ค่ะ ไปกับทาง DUE. ค่ะ ทาง DUE. มีสถาบันให้พี่เลือกเยอะมาก แต่พี่เลือกเรียนที่ Cambridge เพราะว่าด้วยชื่อที่คุ้นหู และเป็นสถาบันที่น่าเชื่อถือค่ะ

เรื่องแรกที่ต้องจัดการหลังจากที่วีซ่าออกคือเรื่องที่พักค่ะ ก่อนหน้านี้พี่ก็ได้มีการดูไว้คร่าวๆบ้างแล้ว แต่ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ เพราะว่าเราไม่รู้ด้วยว่าวีซ่าจะออกวันไหน พอรู้ผลวีซ่า ต้องขออธิบายก่อนว่าที่พักจริงๆแล้วจะมีให้เลือกพักแบบอยู่กับ Host-Family ก็ได้ หรือว่าจะเลือกห้องหาอยู่เองแบบ Roomshare ก็ได้ค่ะ ด้วยความที่พี่อยากเผชิญอะไรด้วยตัวเอง พี่เลยเลือกที่จะหาห้องเองแบบ Roomshare อยู่กับนักเรียนชาวต่างชาติคนอื่นๆ พี่เริ่มจากเข้าเว็บ www.gumtree.com.au และเลือกหมวด Roomshare หลังจากนั้นก็ไล่ดูโพสต่างๆและเลือกห้องในแบบที่เราถูกใจได้เลย ห้องที่พี่เลือกจะอยู่ในตัวเมือง Melbourne เลยค่ะ อยู่ใกล้กับที่เรียน ซึ่งสามารถเดินไปใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ค่าที่พักพี่โอนค่ามัดจำห้องให้กับเจ้าของห้องก่อนส่วนหนึ่ง และส่วนที่เหลือค่อยไปจ่ายวันที่เราไปถึง (** น้องๆต้องตรวจสอบและติดต่อกับเจ้าของห้องก่อนโอนเงินนะคะ อาจจะโดนพวกมิจฉาชีพหลอกเอาได้ ) ด้วยความที่พี่ไม่อยากถือเงินติดตัวเป็นจำนวนมาก และพี่ก็แลกเงินไปไม่มากด้วยค่ะ พี่เลยเลือกการใส่เงินในบัญชีไทยไว้ แล้วไปกดตู้เอาที่ Melbourne ค่ะ จะมีค่าธรรมเนียมในการกดต่อครั้งอยู่ที่ 3 AUS หรือ ประมาณ 100 บาท ( ** น้องๆต้องตรวจสอบกับทางธนาคารก่อนนะคะ ว่าบัตรเอทีเอ็ม หรือบัตรเดบิตที่นำไป สามารถใช้กดที่ตู้ต่างประเทศได้รึป่าว ) มาต่อเรื่องห้องพักกันดีกว่าเนอะ พี่โชคดีที่ได้ห้องดี เจ้าของห้องเป็นคนไทยที่เค้าซื้อห้องไว้ และปล่อยให้เด็กนักเรียนมาเช่า ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์ครบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้า ตู้เย็น เตียง หมอน ผ้าห่ม เหมือนกับแค่หิ้วกระเป๋าไปก็อยู่ได้เลย ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่ม ^^

วันแรกที่พี่ไปถึง ต้องบอกเลยว่าตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่มาต่างประเทศเอง และไม่ได้มาเพื่อเที่ยว พอพี่ถึงสนามบิน ที่ Melbourne อากาศเย็นมากค่ะ พี่มาช่วงหน้าหนาวพอดี เนื่องด้วยจากเป็นครั้งแรกที่เดินทางเอง และพ่อแม่ก็เป็นห่วง พี่เลือกให้ทาง DUE. มารับที่สนามบิน และไปส่งที่พักค่ะ พี่ๆที่มารับน่ารักมาก ช่วยยกของมาส่งถึงห้องพัก หลังจากนั้นยังพาไปซื้อซิมโทรศัพท์ พาไปเปิดบัญชีธนาคาร และยังพาไปดูที่เรียนเราด้วยว่าอยู่ตรงไหน ปลื้มใจเป็นที่สุดเลยค่ะ ^^ หลังจากนั้นพาทำธุระเสร็จก็พามาส่งที่พักเพื่อให้เราได้พักผ่อน เพราะนั่งเครื่องมาเป็นเวลา 9 ชม. ได้เลย และต้องปรับตัวกับอากาศที่หนาว ปรับตัวกับเวลาที่จะเดินเร็วขึ้นจากประเทศไทยอีก 3 ชั่วโมง คืนแรกเลยหลับเป็นตายเลยค่ะ

พอตื่นมาเป็นเช้าวันอาทิตย์ วันก่อนโรงเรียนเปิด 1 วัน พี่ได้รับ Email จากทาง Cambridge ว่าพรุ่งนี้ให้เราไปพบกันที่ตึกไหน เวลากี่โมง เลยมีความคิดที่ว่าอาบน้ำและไปเดินเล่นในเมืองดีกว่า จะได้สำรวจอะไรรอบๆด้วย พี่ลงมารอบแรกต้องขึ้นห้องใหม่เลยค่ะ เพราะอากาศหนาวกว่าที่คิด ต้องกลับห้องขึ้นไปเอาผ้าพันคอ และใส่เสื้อกันหนาวหนาๆ หลังจากนั้นก็เดินสำรวจไปรอบๆเมือง เดินไปจนเจอร้านอาหารที่เค้ากำลังรับสมัครพนักงานเสิร์ฟพอดีเลย และเป็นร้านไทยด้วย โชคช่วยแท้ๆ ^^ พี่ไม่รอช้าเข้าร้านไปเพื่อขอสมัครงาน เจอพี่เจ้าของร้านสัมภาษณ์นิดหน่อย และก็ให้มาลองงานวันพรุ่งนี้ช่วงเย็นๆ พอดีใจกับการมาถึงและมางานทำได้ไม่เท่าไร ก็เกิดเรื่องซะละ หลงทางค่ะทุกคน หาทางกลับที่พักไม่ได้ ทำยังไงหละทีนี้ พี่เดินๆๆ ไปเรื่อยๆ จนเจอคุณตำรวจสุดหล่อ คิดอยู่นานว่าจะถามทางเค้าดีไหม ไม่กล้าด้วย และก็กลัวว่าจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง แต่อีกใจมันก็คิดว่า ถ้าไม่ถามแล้วจะได้กลับบ้านไหม มาเมืองนอกทั้งทีกล้าๆหน่อยสิ พี่รวบรวมความกล้าทั้งหมดบอกให้คุณตำรวจพาไปส่งที่พักเลยค่ะ ( ไม่ใช่แค่ถามทางละ ) 5555 คุณตำรวจก็ใจดี เค้าไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือแถมมาส่งถึงตึกที่พี่พักเลยค่ะ ต้องขอบคุณคุณตำรวจนายนั้นมากๆ หลังจากที่เข้าห้องพักมาก็วางแผนชีวิตว่าพรุ่งนี้ควรจะตื่นกี่โมง และไปโรงเรียนยังไงดี และก็รีบกินข้าวเย็นและนอนแต่หัวค่ำ

วันแรกของการไปเรียน เด็กใหม่ที่มาวันแรกเค้าจะนัดให้มาอยู่ที่เดียวกันค่ะ ทาง Cambridge เค้าจะเริ่ม Orientation ทุกคนพร้อมๆกัน หลังจากนั้นก็ให้ทุกคนนั่งแยกโต๊ะเพราะทำ Test ว่าใครควรจะเรียนในระดับไหน ได้เรียนช่วงเช้าหรือช่วงบ่าย ส่วนตัวพี่เอง พี่ได้เรียนช่วงบ่ายค่ะ เริ่ม 13:00 – 17:15

หลังจากที่ทำ Test เสร็จ ทางที่ Cambridge ได้พาพี่และเพื่อนๆใหม่ ซึ่งมีทั้งเพื่อนชาว จีน เกาหลี ญี่ปุ่น รัสเซีย สเปน เวียดนาม พากันไปดูสถานที่สำคัญต่างๆในเมืองค่ะ และก็พากันกินข้าวกลางวัน ต้องบอกว่าในเมืองนี้มีร้านอาหารให้เลือกเยอะมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอาหารฝรั่ง หรืออาหารเอเชีย นานาชาติมากค่ะ มื้อนึงราคาจะอยู่ที่ประมาณ 9 – 20 AUD แล้วแต่ความหรูของอาหารที่จะเลือกกันค่ะ ถ้าเอาประหยัดสุดคงหนีไม่พ้นเบอร์เกอร์ของ MAC ค่ะ ราคาเริ่มต้นจะประมาณ 4 AUD ค่ะ หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยจากนั้นก็แยกย้ายกันไปค่ะ พี่นัดกับทางร้านที่สมัครงานไว้ พอไปถึงร้านพี่เค้าก็เริ่มสอนงาน พี่ได้ทำงานอยู่หน้าร้านค่ะ คอยเสิร์ฟ เก็บโต๊ะ และก็คิดเงินค่ะ ด้วยความที่สู้งาน ถึกและบึกบึน เลยผ่านการลองงานค่ะ พี่เจ้าของร้านตกลงจ้างพี่ทำงาน 3 วัน ค่าแรงให้เป็นชั่วโมงค่ะ ตกชั่วโมงละประมาณ 12 AUD ทำวันละ 5 ชั่วโมง ข้อดีของการทำงานร้านอาหารก็คือ มื้อเย็นเราจะทานข้าวที่ร้านค่ะ ประหยัดไปได้ 1 มื้อเลย แล้วถ้าบางวัน หมู ไก่เหลือ พี่เค้าก็จะให้เราเอามาทำอาหารกินกันเองที่บ้านด้วยค่ะ ^^ น้องๆสามารถหางานเพิ่มกันได้นะคะ ในเว็บ www.aussietip.com จะเป็นเว็บสำหรับคนไทยในประเทศออสเตรเลีย มีทั้งหมวดรับสมัครงาน หาบ้าน ขายของ เป็นต้นค่ะ พอหลังๆมาพี่ก็หางานเพิ่มจากเว็บนี้ และได้งานนอกเมือง ต้องนั่งรถไฟไปทำงาน เรื่องการคมนาคมที่นี่ เค้าจะมีรถไฟ รถบัส รถแทรมหรือที่เราเรียกกันว่ารถราง และรถแท็กซี่ค่ะ รถไฟ รถบัส และรถแทรม เราทุกคนต้องมีบัตรที่ชื่อมา Myki จะคล้ายๆบัตร BTS บ้านเรา แต่ Myki นี้ จะใช้ได้ทั้งรถไฟ รถบัส และแทรมเลยค่ะ คนที่เดินทางบ่อยๆก็จะเลือกใช้แบบรายเดือน ส่วนคนที่ไม่ค่อยเดินทางจะใช้แบบเติมเงินค่ะ ก่อนขึ้น-ลง รถทุกครั้ง ต้องมีการแนบบัตรเพื่อให้มีการหักเงิน แนะนำว่าอย่าโกงนะคะ เพราะถ้าโดนตรวจขึ้นมา จะโดนปรับ 100 AUS เลยทีเดียว ไม่คุ้มเลยนะ

เรามาพูดถึงสถานที่เที่ยวกันบ้างเนอะ ถ้าเป็นที่เที่ยวในเมือง ที่พี่และเพื่อนชอบไปคงจะไม่พ้น David Jones , Melbourne Central และ South Wharf – DFO ที่เอ่ยๆมานี่ เป็นแหล่ง shopping ทั้งนั้นเลยค่ะ หรือถ้าเป็นที่เที่ยวแบบธรรมชาติ ต้องเป็นที่ Melbourne zoo , Luna Park , Phillips Island หรือ St.Kilda Beach ค่ะ

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเพียงไม่กี่เดือน กับที่เมลเบิร์น พี่ว่ามันคุ้มค่ามากค่ะ ไม่ใช่เพียงแค่ภาษาที่เรามาเรียนรู้เพิ่มเติม แต่เรายังได้รู้จักเพื่อนชาวต่างชาติ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของเพื่อนชาติต่างๆ ได้มีโอกาสทำงานหาเงินใช้ด้วยตัวเอง น้องๆจะรู้สึกได้ว่าเราโตขึ้น ก่อนที่จะทำอะไรต้องมีการวางแผนชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงิน หรือการจัดการเวลากับการทำสิ่งต่างๆ หรือถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาตัวเราเองต้องพยายามแก้ไขมันก่อน สำหรับน้องๆที่กำลังตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อดีไหม พี่ว่าถ้าเรามีโอกาสอยู่ในมือแล้ว อย่าปล่อยมันหลุดลอยไปเลยค่ะ คว้าโอกาสนั้นและไปเปิดโลกกว้าง อย่ากลัวคำว่าต่างประเทศเลยค่ะ ^^